บาดเจ็บไขสันหลัง Spinal cord injury

บาดเจ็บไขสันหลัง

การบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังหรือบาดเจ็บไขสันหลังนั้นเป็นสภาวะที่พบได้บ่อยอีกหนึ่งสภาวะของร่างกาย ซึ่งอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุไม่ว่าจะป็นการกระแทกทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ จากการทำงาน การกีฬาที่มีการปะทะ หรือตกจากที่สูง อันนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ตั้งแต่การบาดเจ็บเล็กน้อย ไปจนถึงขั้น ทุพพลภาพ ติดเตียง หรือเสียชีวิตได้

การบาดเจ็บไขสันหลัง คืออะไร

การบาดเจ็บไขสันหลัง หรือไขสันหลังบาดเจ็บ (Spinal Cord Injury) คือ การเกิดอาการที่บริเวณไขสันหลัง รวมถึงรากประสาทในโพรงกระดูกสันหลังเกิดความเสียหาย ซึ่งอาจเป็นอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลังบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งอาการบาดเจ็บอาจร้ายแรง จนส่งผลให้เป็นอัมพาต หรือกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน

การบาดเจ็บไขสันหลังแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ

  • อัมพาตครึ่งล่าง พาราพลีเจีย (paraplegia) หมายถึง ภาวะขาอ่อนแรงทั้ง 2 ข้างจากการบาดเจ็บ ไขสันหลังส่วนอกระดับลงมา
  • อัมพาตแขนและขา เตตราพลีเจีย หรือควอดดิเพเจีย (tetraplegia/ quadriplegia) หมายถึง ภาวะ อ่อนแรงของแขนและขาทั้ง 2 ข้าง จากการบาดเจ็บไขสันหลังระดับส่วนคอ

ความรุนแรงของการบาดเจ็บได้เป็น 2 ประเภท คือ

  1. Complete spinal cord injury (ไขสันหลังบาดเจ็บทั้งหมด)
    หมายถึง ไขสันหลังระดับนั้นเสียหายทั้งหมด ไขสันหลังส่วนกระเบนเหน็บซึ่งอยู่ล่างสุด (S4 – 5) ขาดการติดต่อกับสมอง รวมไปถึงบริเวณรูทวารหนัก ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถกลั่นอุจารระหรือรับรู้ความรู้สึกเกี่ยวการขับถ่ายได้เลย ทำให้ผู้ป่วยจะถ่ายออกมาเองโดยที่ไม่รู้ตัว
  2. Incomplete spinal cord injury (ไขสันหลังบาดเจ็บไม่ทั้งหมด)
    หมายถึง ไขสันหลังที่บาดเจ็บเสียหายไม่ทั้งหมด มีสูญเสียการรับรู้ความรู้สึกและการเคลื่อนไหวตามตำแหน่งของไขสันหลัง แต่ยังคงสามารถรับรู้และสั่งการบริเวณรูทวารหนักได้ ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลั่นอุจารระปัสสาวะหรือรับรู้เกี่ยวการขับถ่ายได้เป็นปกติ

สาเหตุหรือปัจจัยของการบาดเจ็บไขสันหลัง

1. การบาดเจ็บต่อไขสันหลังโดนตรง

  • ถูกโจมตีอย่างรุนแรง เช่น ถูกแทง ถูกยิง
  • กระโดดลงน้ำที่ตื้นเกินไป และกระแทกกับพื้นด้านล่าง
  • อุบัติเหตุทางรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์
  • ตกจากที่สูง
  • ศีรษะหรือกระดูกสันหลังบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
  • อุบัติเหตุเกี่ยวกับไฟฟ้า
  • การห้กล้มในผู้สูงอายุ

2. การเกิดจากโรค

  • การติดเชื้อในไขสันหลัง
  • ช่องโพรงกระดูกเสื่อมกดเบียดไขสันหลัง หรือเนื้องอกที่ไขสันหลัง
  • โรคข้อต่ออักเสบ
  • โรคกระดูกพรุน

อาการและอาการแสดง

  • มีอาการแขนขาอ่อนแรง ชา
  • การรับรู้ความสึกของร่างกายลดลงหรือหายไป
  • สูญเสียการทำงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวที่ควบคุมได้
  • การรับความรู้สึกเกี่ยวกับความเจ็บปวด แรงกด อุณหภูมิ ที่ผิดปกติ
  • การขับถ่ายที่ไม่สามารถควบคุมได้

ภาวะแทรกซ้อนที่สามารถพบได้ในการบาดเจ็บไขสันหลัง

  • แผลกดทับ
  • กล้ามเนื้อฝ่อลีบ
  • ข้อต่อยึดติด
  • กระดูกพรุน
  • ภาวะความดันโลหิตตกขณะเปลี่ยนท่า
  • ภาวะปอดแฟบ
  • ท้องอืด ท้องผูก กลั้นอุจจาระไม่อยู่
  • หลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน
  • การควบคุมอุณหภูมิหรือการรับรู้ความรู้สึกของร่างกายผิดปกติ

การดูแลผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บไขสันหลัง

  1. ในกรณีที่ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังนั้นไม่ควรทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปมา เพราะจะทำให้ข้อกระดูกสันหลังเปลี่ยนตำแหน่ง ดังนั้นจึงควรมีอุปกรณ์ช่วยยึดกระดูกให้คงรูปก่อนทำการเคลื่อนย้าย แต่อย่างไรก็ตามควรอยู่ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์
  2. สำหรับผู้ป่วยที่ติดเตียงควรให้ความดูแลอย่างใกล้ชิดและถูกวิธีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  3. ควรระมัดระวังเรื่องของแผลกดทับในกลุ่มของผู้ป่วยที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้เอง
  4. ควรระมัดระวังในเรื่องการรักษาความสะอาดของผู้ป่วยอยู่เสมอ

การบาดเจ็บไขสันหลัง ( spinal cord injury ) นั้นอาจจะกลับมาดำเนินชีวิตได้เทียบเท่าปกตินั้นต้องใช้เวลาหรือต้องมีอุปกรณ์เสริมในการช่วยเดิน ดั้งนั้นในช่วงที่ผู้ป่วยกำลังพักฟื้นอยู่บนเตียงนั้น เราควรเลือกที่นอนป้องกันแผลกดทับ จัดสถานที่ให้สะอาด และออกกำลังกายเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่จะตามมาได้