ท่านอนที่ถูกต้องของผู้ป่วยติดเตียง

ท่านอนที่ถูกต้องสำหรับผู้ป่วย

ท่านอนของที่ถูกต้องของผู้ป่วยติดเตียงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากจะช่วยป้องกันความผิดปกติของกล้ามเนื้อ ลดอาการเกร็ง ป้องกันข้อติดแข็ง อาการปวดและบวมของร่างกายข้างที่อ่อนแรง นอกจากนี้ยังช่วยลดการกดทับที่เส้นประสาท และลดการเกิดแผลกดทับซึ่งส่วนมากจะเกิดบริเวณก้นของผู้ป่วยติดเตียงอีกด้วย

การจัดท่านอนของผู้ป่วยติดเตียงควรจัดสรรเวลาเปลี่ยนท่าทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพราะภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว เช่น การเกิดแผลกดทับนั้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อและอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้ การพลิกตัวผู้ป่วยอย่างช้าที่สุด ทุก ๆ 2 ชั่วโมง จึงเป็นเรื่องสำคัญนั่นเอง

ทำไม “ท่านอน” จึงสำคัญ

อาการ “นอนติดเตียง” สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีสุขภาพร่างกายอยู่ในภาวะเสื่อมโทรม จนต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวตลอดเวลาไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ บางรายอาจจะพอขยับร่างกายบางส่วนได้บ้างเคลื่อนไหวได้ หรือบางรายอาจไม่รู้สึกตัวเลย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยมีอาการนอนติดเตียง มักเกิดจากโรค อุบัติเหตุ รวมถึงจากการผ่าตัดใหญ่ สิ่งที่ตามมาจากภาวะการนอนติดเตียง คือผลข้างเคียงที่นำพาไปสู่การเสียชีวิต เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินปัสสาวะ เกิดแผลกดทับ การขาดอาหารอย่างรุนแรง เป็นต้น ดังนั้น การดูแลผู้สูงอายุที่นอนติดเตียง จึงจำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยความรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้อง

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงเป็นเรื่องสำคัญในการดูแลผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ โดยท่านอนที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้ป่วยมีการไหลเวียนเลือดและหายใจได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันภาวะแผลกดทับและภาวะแข็งตัวของกล้ามเนื้อ

1. ท่านอนตะแคงข้าง (Lateral position)

ผู้ป่วยนอนคว่ำหน้าหันหน้าข้าง หรือคว่ำหลังหันหน้าข้าง โดยให้หมุนตัวในแนวแกนยาวของร่างกาย ช่วยลดการกดทับบนผิวหนังและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

2. ท่านอนหงายหน้า (Prone position)

ผู้ป่วยนอนหงายหน้าโดยหันหน้าไปทางข้าง ช่วยลดการกดทับบนลำไส้และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

 

3. ท่านอนหงายหลัง (Supine position)

ผู้ป่วยนอนหงายหลังโดยให้หน้าท้องอยู่ขึ้นสูงกว่าหัวและเท้า ช่วยลดการกดทับบนผิวหนังและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

4. ท่านอนท่า Semi-Fowler’s position

ผู้ป่วยนอนหงายหลังโดยยกหัวให้สูงกว่าระดับหัวใจประมาณ 30 องศา ช่วยลดการกดทับบนลำไส้และช่วยให้การหายใจสะดวกขึ้น

5. ท่านอนท่า Trendelenburg position

ผู้ป่วยนอนหงายหลังโดยยกขาให้สูงกว่าระดับหัวใจ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดกลับสู่หัวใจและช่วยลดการกดทับบนผิวหนัง แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ท่านี้เพราะอาจทำให้เกิดการหลั่งน้ำมากเกินไปในปอดและเป็นสาเหตุของภาวะเจ็บปวดท้องล่าง

การเลือกใช้ท่านอนที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วยและอาการที่พบ เช่น ถ้าผู้ป่วยมีปัญหาการหายใจ จะต้องใช้ท่านอนที่ช่วยเพิ่มการหายใจได้ดี เช่นท่า Semi-Fowler’s position หรือถ้ามีปัญหาเรื่องภาวะแผลกดทับ จะต้องใช้ท่านอนที่ช่วยลดการกดทับบนผิวหนัง เช่นท่า Lateral position

นอกจากนี้ การดูแลผู้ป่วยติดเตียงยังต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนท่านอนอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแข็งตัวของกล้ามเนื้อ และการเกิดแผลกดทับ และการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโดยรวม เช่น การทำกิจวัตรประจำวัน การอาบน้ำ การล้างปากและฟัน การป้องกันการติดเชื้อและการมีการเคลื่อนไหวที่เพียงพอเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูของผู้ป่วยให้เร็วขึ้น

นอกจากการเลือกท่านอนที่ถูกต้องและการเปลี่ยนท่านอนอย่างสม่ำเสมอ การดูแลผู้ป่วยติดเตียงยังต้องคำนึงถึงการให้การดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เช่น การอาหารและน้ำ การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายในขอบเขตที่เหมาะสม การดูแลสุขอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ในโรงพยาบาล เช่น การล้างมืออย่างถูกต้อง การใช้เครื่องป้องกันการติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัยและการทำความสะอาดสิ่งของและพื้นที่รอบตัวผู้ป่วย เป็นต้น