ความสัมพันธ์ และกำลังใจอันอบอุ่นของครอบครัว ทำให้ป้ามาลี เดินได้แล้ว

ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงหลายท่านอาจตั้งคำถามว่า ผู้ป่วยจะสามารถกลับมาเหมือนเดิมได้หรือไม่ ผู้ป่วยจะช่วยเหลือตัวเองได้อีกครั้งหรือไม่ ซึ่งคำตอบของคำถามเหล่านี้ประกอบไปด้วยหลายปัจจัย ทั้งทางด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ ในด้านกายภาพผู้ป่วยติดเตียงและผู้ดูแลต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์ และคำแนะนำในการดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างสม่ำเสมอ ส่วนทางด้านจิตใจ ผู้ดูแลและคนในครอบครัวสามารถช่วยกันสร้างสัมพันธ์ภาพและกำลังใจอันอบอุ่นให้กับผู้ป่วยติดเตียงได้ ดังเช่นตัวอย่างของป้ามาลี (นามสมมุติ) ที่สะท้อนภาพผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้ป่วยติดเตียงได้เป็นอย่างดี

ณ ลานสนามหญ้าหน้าบ้าน ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม เช้านี้ดูสลัวมืดครึ้ม อากาศเริ่มเย็น ฉันรู้สึกตัวเย็นขึ้นเฉียบพลัน  วันนี้คงมีฝนตกแน่เลย อากาศเย็นสบายเช่นนี้ทำให้ฉันนึกถึงป้ามาลีขึ้นมาทันที ป้ามาลีเป็นคนดูแลฉันตอนเด็กๆ  ฉันจำได้ดีทีเดียว  ป้ามาลีเป็นคนใจดี ใจเย็นมากไม่เคยดุหรือตีฉันเลย

เมื่อปลายปีที่ผ่านมาฉันได้มีโอกาสดูแลป้ามาลีที่โรงพยาบาล  ในครั้งนั้นป้ามาลีกระดูกตรงหัวเหน่าหักฉันซึ่งเป็นหลานได้มีโอกาสเฝ้าป้ามาลีเนื่องจากลูกๆป้าทำงานกันหมด ฉันรักป้ามาลีมากและคิดว่าท่านเป็นแม่อีกคนนึง

ภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นผุดขึ้นมา ฉันจำได้ว่าได้รับโทรศัพท์จากลูกป้ามาลีว่า

“น้องตาล ว่างไหม รบกวนมาเฝ้าป้ามาลีที่โรงพยาบาลตำรวจพรุ่งนี้ได้ไหม  พี่อ้อยต้องไปประชุมทีต่างจังหวัดหลายวันคะ”

ฉันเงียบไปสักครู่ เพราะตกใจและนึกไม่ออกว่าป้ามาลีป่วยเป็นไร

“คุณป้ามาลี เป็นไรคะ”  เสียงของลูกสาวป้ามาลีตอบแบบเรียบๆว่า

“ ป้ามาลีล้มได้ 2-3 วันแล้วคะ  หมอบอกไม่ต้องผ่าตัด ให้กระดูกติดเองคะ”

ฉันตอบโดยไม่ยั้งคิด “ว่างคะ ให้เริ่มวันไหนคะ”

ฉันได้เริ่มเฝ้าป้ามาลีในวันรุ่งขึ้น  ป้ามาลียังเหมือนเดิม  ใจดี ใจเย็น คอยเป็นห่วงเป็นใยฉันมาก  คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้มาเยี่ยมทุกวัน และบอกถึงแผนการรักษาว่าให้ป้าลีนอนบนเตียง สัก 2อาทิตย์ และจะเอ็กซเรย์ซ้ำ  ตลอด 2 สัปดาห์ที่ฉันเฝ้าไข้ป้ามาลี ป้ามาลีจะชอบเล่าเรื่องเดิมซ้ำๆ ไม่ใช่เพราะป้ามาลีมีปัญหาเรื่องความทรงจำ แต่ป้าลีมีความทรงจำที่ดีในเรื่องที่เล่า  ฉันยิ้มรับในทุกครั้งที่ฟังเรื่องเล่าของป้ามาลี  ฉันสังเกตป้ามาลีว่า ป้ามาลีจะยิ้มสดชื่นในวันเสาร์ – อาทิตย์ เพราะมีลูกหลานพร้อมหน้าพร้อมตากัน

จนครบ 2 สัปดาห์ คุณหมอมาแจ้งว่า กระดูกป้ามาลีเริ่มติดแล้ว  ให้เริ่มลงน้ำหนักได้แล้ว แต่ป้ามาลีหันมามองหน้าแล้วพูดว่า “ป้ามาลี คงเดินไม่ได้แล้ว “ ใบหน้าป้ามาลีดูเศร้าทันที และรำพันว่า

“ป้าไม่อยากให้ลูกหลานลำบากเลย ต้องมาดูแลป้าซึ่งเดินไม่ได้”

ฉันยิ้มตอบและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ป้ามาลี ต้องเดินได้คะ” ฉันเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย พยายามเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่น  ให้ป้ามาลีเล่าเรื่องอดีตให้ฟัง  และป้ามาลีก็เล่าเรื่องเดิมอีก

คุณพยาบาลมาคอยเวียนถามป้ามาลี

“วันนี้ เรามาฝึกยืนกันนะป้า”  ป้ามาลียิ้มรับ  แต่ก็ยังไม่เริ่มฝึก  ฉันเฝ้าอ้อนวอนและชักชวนป้ามาลีมาเริ่มฝึกยืนกัน  ป้ามาลีก็เปลี่ยนเรื่องคุยอีก  จนฉันถามนำไปว่า “คุณป้ากลัวล้มเหรอคะ”  ป้ามาลีไม่ตอบ เงียบไป ฉันยังเวียนพูดไปอีกว่า

“คุณป้า ไม่ล้มหรอกคะ”   “เสาร์นี้พี่อ้อยมากับน้องไอซ์  เรามาฝึกกันวันนั้นก็ได้นะคะ”  ป้ามาลี ยิ้มรับ ถามว่า “พี่อ้อย จะมาวันเสาร์นี้เหรอ”

ฉันรู้โดยทันทีว่า ป้ามาลีรอลูกๆมาแน่เลย  ฉันได้คุยกับพี่อ้อยในเรื่องที่ฉันพบเจอ  พี่อ้อยขอบคุณฉันมากมายที่เป็นธุระเฝ้าป้ามาลีในช่วงที่พี่อ้อยไม่อยู่  ฉันได้บอกพี่อ้อยไปว่า ฉันรักป้ามาลีมากเลย ป้ามาลีเปรียบเสมือนแม่อีกคน  ความดีของป้ามาลีทำให้ฉันรักป้ามาลีมาก และทุกคนที่รายล้อมก็รักป้ามาลีมากเช่นกัน

หลังจากที่ฉันคุยโทรศัพท์กับพี่อ้อย  พี่อ้อยได้โทรศัพท์มาคุยกับป้ามาลีทันที  ฉันแอบเห็นรอยยิ้มของป้ามาลีทันทีคุณป้าดูสดชื่นขึ้นมาก  ป้ามาลีหันมายิ้มกับฉันและพูดว่า “เสาร์นี้อ้อย จะชวนพี่อ้อและหลานๆมาเยี่ยม และช่วยฝึกยืน”  ป้ามาลีนอนยิ้มทั้งคืนเลย

ในเช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าวันนี้ช่างปลอดโปร่ง เมฆหมอกที่เคยเห็นปกคลุมเต็มท้องฟ้ากลับไม่มีปรากฎ เลย คงเป็นบรรยากาศที่ดีสำหรับวันนี้ของป้ามาลี  พยาบาลและทีมที่ดูแลเข้ามาช่วยกันจับป้ามาลียืน  พยาบาลและทีมที่เข้ามาดูแลป้ามาลีช่างใจเย็นมาก  ป้ามาลีบอกทุกคนว่า

“รอลูกก่อน” ป้ามาลีตัวแข็งเกร็ง ประหนึ่งว่ากลัวอะไรบางอย่าง  ฉันซึ่งอยู่ด้านข้างป้ามาลีได้สังเกตเห็นอาการดังกล่าว  จึงกระซิบข้างหูป้ามาลีว่า

“คุณป้าคะ  ลุกยืนนะ  ลูกๆมาเห็นจะได้ดีใจ” ขณะที่ฉันพูดเบาๆฉันได้ช่วยพยาบาลประคองป้ามาลียืนโดยป้ามาลีเกาะที่ไม้ค้ำชนิดที่มีสี่ขา ยืนได้สักพัก พยาบาลที่เฝ้าสังเกตเห็นว่าป้ามาลีดูเหนื่อย  จึงจับให้ป้ามาลีนั่งพัก  และบอกว่าในช่วงบ่ายจะมาฝึกอีกรอบ  ฉันแอบชื่นชมป้ามาลีช่างเข้มแข็งเหลือเกิน ไม่มีร้องโอดครวญเลยมีแต่อาการเกร็งๆ

ในช่วงมื้อกลางวันลูกและหลานๆป้ามาลีมาเยี่ยมกันพร้อมหน้าพร้อมตา  ป้ามาลียิ้มแก้มปริและโอบกอดหลานอย่างเต็มที่  พี่อ้อยยิ้มกับป้ามาลีและบอกว่า

“เสาร์ อาทิตย์นี้จะเฝ้าแม่นะ คิดถึงแม่มากๆ” พี่อ้อยก้มกราบที่เท้าป้ามาลี  ฉันรู้สึกปิติในภาพที่เห็น แม่ลูกผูกพันกันมาก พี่อ้อยหันมายิ้มกับฉันและพูดว่า

“ขอบคุณตาลมากเลย ตาลกลับไปพักที่บ้านได้นะ  พี่อ้อยเฝ้าต่อเอง” ฉันรีบตอบไปว่า

“ตาลจะช่วยพี่อ้อยฝึกคุณป้าให้เดินได้ก่อนคะ” ฉันหันไปยิ้มกับป้ามาลี ซึ่งดูเหมือนว่าป้ามาลีจะยิ้มตอบกลับมาด้วย

ในช่วงบ่ายแก่วันนั้นทีมพยาบาลเข้ามากระตุ้นป้ามาลีอีกรอบ ในช่วงบ่ายนี้พี่อ้อยและหลานเป็นกองเชียร์ได้ดีทีเดียว  หลานไอซ์ ออกเสียงนับ 1 ถึง 10 เพื่อให้ป้ามาลียืนให้ได้นาน พร้อมกับปรบมือเป็นเสียงเชียร์

ป้ามาลียิ้มรับ ดูเหมือนจะทำได้ดีกว่าช่วงเช้า  พยาบาลออกเสียงชมเลยว่า

“คุณป้า เก่งมากคะ ฝึกยืนให้บ่อยขึ้นนะคะ พรุ่งนี้เราจะฝึกเดินกัน” พยาบาลหันมาบอกกับฉัน คงเป็นเพราะเห็นฉันเฝ้าอยู่ทุกวัน  ตลอดทั้งวันพี่อ้อยปรนนิบัติป้ามาลีดีมากทีเดียว ฉันได้นั่งคุยกับน้องไอซ์ และน้องไอ๊ซ์ก็รบให้คุณยายเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟัง  ป้ามาลีก็คงเล่าเรื่องเดิมอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ป้ามาลีไปเป็นตัวแทนแม่ไอ๊ซ์ ขึ้นไปพูดว่าทำไมหลานเรียนดี น้องไอ๊ซ์จะชอบฟังมากๆ

ในเช้าวันถัดมา พี่อ้อยกุลีกุจอเตรียมป้ามาลีให้พร้อมในการฝึกเดิน ซึ่งป้ามาลีให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทีมพยาบาลซึ่งเป็นชุดเดิมจากเมื่อวานเดินเข้ามา พร้อมกับคำชมว่า

“วันนี้คุณป้าดูสดใสกว่าทุกวัน” พี่พยาบาลยิ้มกับป้ามาลีและก็เข้าไปกระซิบข้างหูว่า

“วันนี้มาเดินโชว์หลานคนสวยกัน”  หลานไอ๊ซ์เตรียมปรบมือให้กับคุณยาย  และแล้วป้ามาลีก็เริ่มก้าวเดินโดยเก้าขาซ้ายไปกับจังหวะของไม้เท้าสี่ขา และขาขวาก็เก้าตาม น้องไอซ์ปรบมือเสียงดังพร้อมตะโกนว่า

“คุณยายเดินได้แล้ว  เย้…………..” ทุกคนตะลึงกับก้าวเดินของป้ามาลีเป็นไปอย่างไร้คำสั่ง ป้ามาลีก้าวเดินไปกับไม้เท้าสี่ขา โดยมีฉันและพี่อ้อยอยู่เคียงข้าง  ด้วยความตั้งใจของป้ามาลีการฝึกเดินช่วงบ่ายนี้เป็นไปด้วยดี  ฉันได้เห็นความสัมพันธ์อันอบอุ่นของครอบครัวพี่อ้อย สิ่งนี้แหละที่ทำให้ฉันอิ่มเอม และหายเหนื่อยเมื่อนึกถึง  ความรักในครอบครัวของพี่อ้อยมีแต่ความอบอุ่น  ส่งผลให้ฉันรักทุกคนในครอบครัวพี่อ้อย

และในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสเช่นวันนี้ ฉันได้ข้อคิดว่าการที่ครอบครัวจะมีความอบอุ่นเป็นกันเองและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้นั้น ความคิดเห็นของคนในครอบครัวถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะการช่วยเหลือสนับสนุนกันอย่างมีเหตุผลของคนในครอบครัวจะช่วยสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันได้มาก และยังสามารถช่วยให้ครอบครัวนั้นๆมีความสุขกว่าครอบครัวอื่น ๆ อีกด้วย