ที่นอนเป็นที่ที่เราใช้พักผ่อนและใช้เวลายาวนานตลอดทั้งคืนกันอย่างสบายอารมณ์ และเป็นที่ที่ผู้ป่วยติดเตียงใช้เวลาด้วยยาวนานกว่าที่อื่นๆ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ยิ่งต้องให้ความสำคัญมาก เพราะหากเราละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญกับมันเเล้วหล่ะก็ ที่นอนก็อาจจะกลายเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นละออง สิ่งสกปรก หรือเชื้อโรคต่างๆ และศัตรูตัวฉกาจของที่นอนก็คือ “ไรฝุ่นนั่นเอง”
ไรฝุ่น (house dust mites) เป็นตัวการที่สำคัญในการสร้างสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน ที่ทำให้เกิดโรคจมูกอักเสบ และโรคหืดจากภูมิแพ้ และเป็นสาเหตุหลักในการก่อโรคภูมิแพ้ในคนไทยด้วย การศึกษาในประเทศไทย พบว่า สายพันธุ์ของไรฝุ่นที่สำคัญมี 2 ชนิดคือ Dermatophagoides pteronyssinus (DP) และDermatophagoides farinae (DF) ซึ่งเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้และโรคหืด ไรฝุ่นทั้งสองชนิดนี้
อาศัยอยู่ในวัสดุที่มีเส้นใย เช่น ที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรม เครื่องเรือนบุนวม ตุ๊กตาขนปุย เป็นต้น สารโปรตีนจากมูลและคราบลำตัวของไรฝุ่น เป็นสารก่อภูมิแพ้
ปัญหา ไรฝุ่น กับห้องนอนนั้นเป็นของที่อยู่คู่กันมาตลอด ไรฝุ่นที่ติดอยู่ตามผ้าปูที่นอน ตามหมอนที่เราหนุนนอน หรือจะเป็นผ้าห่ม นั้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราเกิดอาการป่วย บางคนอาจจะเป็นโรคภูมิแพ้ หรือถูกเจ้าไรฝุ่นกัดจนเกิดเป็นแผลเล็กๆ
คลิกดูที่นอนป้องกันไรฝุ่นวิธีการลดจำนวนไรฝุ่นในบ้านทำได้ดังนี้
- ซักปลอกหมอน และผ้าปูที่นอน 1-2 สัปดาห์ ด้วยน้ำร้อน 55-60 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าไรฝุ่น และใช้ผ้าคลุมที่นอนและหมอนเพื่อกันไรฝุ่น
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีคุณภาพดี ถ้าเป็นไปได้ควรใช้เครื่องที่มี HEPA filter ด้วย- มีการระบายอากาศในห้องนอนเพื่อลดความชื้น อย่างน้อยควรเปิดประตูหน้าต่างห้องนอนวันละ 1ชั่วโมง ดีกว่าปิดห้องไว้ตลอดเวลา
- ทำความสะอาดบ้านและห้องนอนด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ
- ไม่ควรปูพรม ไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ที่หุ้มด้วยผ้าและผ้าม่านในห้องนอน
- ไม่ควรเก็บของเล่นจำพวกตุ๊กตาขนนิ่มๆ ในห้องนอน ถ้ามีควรทำความสะอาดด้วยน้ำร้อน 55-60 องศาเซลเซียส หรือแช่แข็งเพื่อฆ่าไรฝุ่น
- ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในห้องนอน เพราะรังแคจากสัตว์เลี้ยงเป็นอาหารที่ดีของไรฝุ่น
- นำที่นอน หมอน และพรม ตากแดดจัดๆ ประมาณ 3ชั่วโมงขึ้นไป จะช่วยฆ่าตัวไรฝุ่นได้
- เลือกที่นอนที่ไม่ก่อนให้เกิดไรฝุ่น หมอน ผ้าปูที่สามารถป้องกันไรฝุ่นได้
ห้องนอนนอกจากเป็นสถานที่ที่ต้องเอื้อเฟื้อต่อการพักผ่อนของเราเเล้ว ยังต้องเป็นสถานที่ที่มีความสะอาด มีสุขอนามัยที่ดี ดังนั้นเมื่อพบว่าเตียงนอนของตัวเองกำลังเจอปัญหาอะไร หรือมีคราบสกปรกอะไรเเล้วล่ะก็ให้เรารีบจัดการปัญหาให้ตรงจุด เพื่อที่จะได้เตียงนอนที่สะอาด ปลอดเชื้อโรค เเละทำให้การนอนหลับของเราเป็นไปอย่างดี
ต้องทำความสะอาดที่นอนบ่อยแค่ไหน? และทำอย่างไร?
เคล็ดลับการทำความสะอาดที่นอนที่ควรทราบ
- เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน อย่างสม่ำเสมอ
ผ้าปูที่นอนถือว่าเป็นแหล่งสะสมของเจ้าไรฝุ่นตัวฉกาจมากทีเดียว เมื่อเราไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นเวลานาน ๆ จะเกิดการหมักหมมจากคราบเหงื่อไคล ความชื้นในอากาศ รวมไปถึงเศษผม และสิ่งสกปรกบนที่นอนเป็นตัวการสำคัญของการสะสมของฝุ่นซึ่งจะเป็นอาหารชั้นดีของไรฝุ่นเลย มากกว่านั้นการที่เรานอนหลับก็จะมีการผลัดเซลล์ผิว รังแค จากตัวเราตลอดเวลา เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไรฝุ่นชอบ
- ควรนำหมอนหนุน หมอนข้าง หรือที่นอน ไปตากแดดบ้าง การฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงแดดเป็นสิ่งที่ดี เราควรนำหมอนหนุน หมอนข้าง ผ้าห่ม ที่เราใช้ ไปตากแดดเป็นประจำเพราะแสงแดด มีรังสีในการฆ่าเชื้อโรคและเชื้อราให้ตายได้ และความร้อนจากแสงแดดยังช่วยให้ไข่ของไรฝุ่นเจริญเติบโตต่อไม่ได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกวิธีนึงที่ช่วยลดปริมาณของไรฝุ่นลงได้เป็นอย่างดี สำหรับบ้านที่มีพื้นที่กว้าง ควรนำที่นอนออกไปตากแดดด้วย เพื่อลดไรฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อประสบปัญหาที่นอนพบเชื้อรา สำหรับปัญหาเชื้อราที่เกิดขึ้นบนฟูก หรือเเม้เเต่คราบสีเหลืองบนหมอนนั้น เป็นภาพที่ไม่สวยงามอย่างเเน่นอน โดยเราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการดูดฝุ่นที่นอนทั้ง 2 ด้านก่อน เเล้วก็ให้ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อให้ทั่วฟูกนอน หรือจะผสมแอลกอฮอล์กับน้ำอุ่นในปริมาณเท่าๆกัน เเล้วนำมาเช็ดบนรอยเปื้อนของเชื้อราก่อน เเล้วนำไปตากเเดด ให้แสงเเดดเป็นตัวฆ่าเชื้อเเละกำจัดความชื้น
เมื่อประสบปัญหาที่นอนมีกลิ่นอับ กลิ่นอับ ปัญหาอันดับต้นๆ ที่หลายคนกำลังเผชิญเเละไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เราสามารถแก้ปัญหาเองได้โดย ลองผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำมันหอมระเหยเเล้วนำไปโรยบนที่นอนให้ทั่งถึง ทิ้งไว้ให้แห้งเเล้วค่อย ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก เเละที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ควรซักผ้าปูที่นอนบ่อยๆ ปล่อยให้แสงเเดดส่อง
เมื่อประสบปัญหาที่นอนมีกลิ่นฉี่ หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ ปัญหาที่ผู้ดูแล ผู้ป่วยติดเตียง หรือเด็กที่พึ่งเลิกใสผ้าอ้อมมักเจอ สำหรับฉี่ใหม่หรือคราบหมาดๆ ควรทำความสะอาดในทันที โดยใช้ผ้าเช็ดและกระดาษทิชชูหนาๆซับลงบนคราบ เพื่อให้แห้งไวที่สุด จากนั้นจากนั้นให้นำผ้าชุบน้ำมาวางไว้บนคราบและค่อยๆนำน้ำสะอาดเทลงไปทีละน้อยๆ จนทั่วบริเวณคราบฉี่แล้วค่อยๆกดซับคราบออกมาให้ได้มากที่สุด หรือการใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำในกระบอกฉีดน้ำหลังจากนั้นให้ฉีดพรมลงบนคราบฉี่ให้ทั่วแล้วทิ้งไว้สักพัก ก็สามารถกำจัดกลิ่นฉี่ได้ กรณีมีแป้งฝุ่นสามารถใช้ได้ดีเช่นกัน โดยโรยแป้งฝุ่น หรือ เบกกิ้งโซดา ไปบริเวณที่มีรอยฉี่ให้ทั่วเพื่อขจัดและดูดซับกลิ่นฉี่ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงได้ที่นี่
เมื่อประสบปัญหาคราบเลือดจากรอบเดือนของผู้หญิง เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนน่าจะประสบปัญหาวันนั้นของเดือน ยิ่งวันที่มาใหม่ๆ ก็จะง่ายต่อการเลอะเปอะเปื้อนบนที่นอนหรือเตียงเอาได้ง่าย หากใครไม่ทันระวังหรือหาทางรับมือได้ทันเเล้ว คุณก็จะพบว่าตื่นเช้าขึ้นมาเเล้วคราบเลือดเหล่านั้นก็จะติดที่นอนหรือผ้าห่มได้ วิธีการทำความสะอาดก็คือ ลองผสมน้ำยาล้างจาน เเละน้ำเย็น 2 ถ้วยในชาม จากนั้นจุ่มผ้าขาวลงไปให้ชุ่ม เเละนำไปป้ายลงบนคราบเลือด เเล้วค่อยๆ ใช้แปรงสีฟันถูคราบเลือดนั้นออก ใช้ผ้าเปียกซับส่วนผสมออก เเละใช้ผ้าขนหนูเเห้งซับบริเวณคราบเลือดอีกที ก็จะช่วยทำความสะอาดคราบเลือดบนเตียงได้
วิธีการข้างต้นเป็นวิธีการที่ไม่ยุ่งยากหรือสลับซับซ้อนแต่อย่างใด แต่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้จากไรฝุ่น หรือเมื่อกรณีประสบปัญหาที่นอนมีกลิ่นอับหรือพบคราบเลือดบนที่นอนก็ตาม ขั้นตอนดังกล่าวพบว่าไม่ยุ่งยากเลย อย่างไรก็ตามอย่าลืมสำรวจเตียงนอน และที่นอนของคุณว่าถึงเวลาทำความสะอาดแล้วหรือยัง นอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังช่วยทำให้คุณมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากการนอนหลับพักผ่อนได้อีกด้วย