การกำจัดกลิ่นฉี่ กลิ่นไม่พึงประสงค์ในการดูแล ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยติดเตียง เป็นปัญหาที่ผู้ดูแลผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียงมักพบเจอ การฉี่รดที่นอนเกิดจากอะไร การฉี่รดที่นอนเกิดจากการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หมายถึงการสูญเสียการควบคุมปัสสาวะ การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แบบถาวร มักพบในผู้สูงอายุเพศชายมากกว่าเพศหญิง มักมีปัสสาวะออกมาทีละน้อยๆโดยไม่รู้สึกปวดขับถ่ายปัสสาวะ หรือมีปัสสาวะเต็มกระเพาะปัสสาวะเป็นผลทำให้ปัสสาวะไหลรินออกมาครั้งละน้อยๆตลอดเวลา ซึ่งมีสาเหตุมาจากระบบประสาทที่ควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
สำหรับกลิ่นฉี่ที่เกิดขึ้นบนที่นอนนั้นแน่นอนว่าสาเหตุหลักต้องมาจากฉี่รดที่นอนนั่นเอง ซึ่งการฉี่รดที่นอนเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการฉี่รดที่นอนในเด็ก การฉี่รดที่นอนในวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยติดเตียงมักจะพบปัญหากลิ่นฉี่ที่เกิดขึ้นบนที่นอน ผู้เขียนขอแบ่งปันประสบการณ์ การกำจัดกลิ่นฉี่ กลิ่นไม่พึงประสงค์ในการดูแล ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยติดเตียง
จากประสบการณ์การกำจัดกลิ่นฉี่บนที่นอนในผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยติดเตียงมีดังนี้
- สำหรับฉี่ที่พึ่งฉี่ใหม่หรือเป็นคราบหมาดๆ ควรทำความสะอาดในทันที เพื่อไม่ให้คราบซึมลึกลงไปบนผ้าปูที่นอน โดยใช้ผ้าเช็ดและกระดาษทิชชูหนาๆ ซับลงบนคราบ เพื่อให้แห้งไวที่สุด
- จากนั้นให้นำผ้าชุบน้ำมาวางไว้บนคราบและค่อยๆนำน้ำสะอาดเทลงไปทีละน้อยๆ จนทั่วบริเวณคราบฉี่แล้วค่อยๆกดซับคราบออกมาให้ได้มากที่สุด
- หรือการใช้น้ำส้มสายชูก็ได้ผลดี เริ่มต้นด้วยการรีบซับคราบฉี่ด้วยกระดาษทิชชู่ หรือผ้าขี้ริ้ว หรือผ้าขนหนู โดยพยายามให้แห้งเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้คราบไม่ลงลึกมาก และควรใช้กระดาษหนังสือพิมพ์มาวางด้านบนผ้าขนหนูที่ใช้ซับด้วยเพื่อให้สามารถดูดความชื้นได้ดีขึ้น ซับจนกว่าคราบฉี่จะแห้งเมื่อคราบฉี่แห้งแล้วให้นำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดคราบออกให้ได้มากที่สุด หรือผสมน้ำในกระบอกฉีดน้ำหลังจากนั้นให้ฉีดพรมลงบนคราบฉี่ให้ทั่วแล้วทิ้งไว้สักพัก ก็สามารถกำจัดกลิ่นฉี่ได้
- กรณีมีแป้งฝุ่นสามารถใช้ได้ดีเช่นกัน โดยโรยแป้งฝุ่น หรือ เบกกิ้งโซดา ไปบริเวณที่มีรอยฉี่ให้ทั่วเพื่อขจัดและดูดซับกลิ่นฉี่
- หรือ น้ำยาฆ่าเชื้อที่รู้จักกัน”ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์”เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อฤทธิ์อ่อน ซึ่งไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์นั้นเป็นสารละลายที่สามารถใช้ทำความสะอาดได้ดี มีความปลอดภัยค่อนข้างมาก จึงได้รับความนิยมนำมาเป็นสารทำความสะอาดในกรณีที่ต้องการกำจัดกลิ่น และคราบต่างๆ ที่กำจัดได้ยากนั่นเอง การใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์กำจัดกลิ่นต้องใช้ร่วมกับ แอมโมเนีย เบกกิ้งโซดา ผงซักฟอกเล็กน้อย ขั้นตอนในการดับกลิ่นจากไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ไม่ยุ่งยากเลย เริ่มจาก การใช้น้ำอุ่นเทลงไปบนคราบฉี่เพื่อฆ่าเชื้อโรค จากนั้นให้นำแอมโมเนีย 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ถ้วย แล้วเช็ดคราบบนที่นอนให้ออกได้มากที่สุด จากนั้นผสมไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ 1 ถ้วย เบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ ผงซักฟอกเล็กน้อย ใส่กระบอกฉีดแล้วนำไปฉีดบริเวณที่มีคราบ ทิ้งไว้ให้แห้ง
ผู้เขียนขอแบ่งปัน จะให้ได้ผลดีเมื่อไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ที่ฉีดลงไปแห้งแล้ว ควรซักที่นอนเฉพาะจุดนั้นด้วยน้ำยาซักแห้ง แชมพู หรือผงซักฟอกก็ได้ จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำออกให้หมดแล้วทิ้งไว้จนแห้ง ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำที่นอนไปตากแดดอีกครั้ง หรือเปิดผ่าม่านให้แสงแดดส่องเข้ามาถึงที่นอน เพียงเท่านี้ทุกท่านก็สามารถดับกลิ่นฉี่บนที่นอนได้
- มีอีกวิธีที่อยากแนะนำ การใช้น้ำยาทำความสะอาดและขจัดกลิ่น อาจจะเรียกได้ว่าเป็นวิธีดับกลิ่นฉี่บนที่นอนซึ่งสามารถทำได้ง่ายที่สุด เมื่อท่านพบว่ายังมีกลิ่นฉี่หลงเหลืออยู่ ทุกท่านอาจจะใช้ น้ำยาทำความสะอาด หรือน้ำยาขจัดกลิ่น วิธีการนี้เพียงแค่ใช้กระดาษทิชชู่ หรือผ้าขนหนูซับคราบฉี่ให้แห้ง จากนั้นฉีดสเปรย์ทำความสะอาด และกำจัดกลิ่นลงไป แต่ที่ลืมไม่ได้คือต้องเปิดหน้าต่างเพื่อให้กลิ่นอับสามารถระบายออกไปได้ด้วย จะใช้พัดลมช่วยเป่าด้วยก็ได้ เมื่อที่นอนแห้งกลิ่นฉี่บนที่นอนก็จะหายไปด้วย
การดับกลิ่นฉี่บนที่นอนรวมไปถึงคราบต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะจัดการด้วยตัวเอง ซึ่งการดับกลิ่นฉี่บนที่นอนนั้นสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับความสะดวก และความเหมาะสม แต่ข้อสำคัญของวิธีดับกลิ่นฉี่บนที่นอนนั้นต้องพยายามทำให้ที่นอนแห้งที่สุดหลังการทำความสะอาด ด้วยการนำที่นอนที่ทำการดับกลิ่นแล้วไปตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งวิธีการต่างๆ ที่ผู้เขียนกล่าวมานี้สามารถนำไปใช้งาน และเห็นผลได้จริง
ผู้เขียนขอสรุป คราบฉี่ คราบปัสสาวะ หากทุกท่านทิ้งไว้ ไม่ทำความสะอาดเป็นเวลานาน จะทำให้คราบเหล่านั้นฝังลึกลงไป ยิ่งทำให้ทำความสะอาดยากมากขึ้น ฉะนั้นเมื่อเกิดคราบ ทุกท่านควรรีบทำความสะอาดทันที เพื่อให้ที่นอนคุณสะอาด ปราศจากคราบสกปรกต่างๆ สิ่งสำคัญที่ไม่อยากให้ทุกท่านลืมคือการซักทำความสะอาดผ้าที่เปื้อนรอยฉี่ซ้ำอีกครั้ง ด้วยน้ำและผงซักฟอก แล้วล้างให้สะอาด ก่อนนำผ้าที่ซักแล้วไปตากแดด เพื่อรักษาความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคไปในตัว นอกจากนี้ ความสะอาดที่ตัวผู้ป่วยก็สำคัญมากเช่นกันนะคะ ถ้าเราทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมอื่นๆ แต่ไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายให้ผู้ป่วยอย่างถูกต้อง กลิ่นไม่พึงประสงค์ทั้งหลายก็จะไม่หายไปไหนหรอกค่ะ ถ้าทุกท่านหมั่นอาบน้ำ เปลี่ยนแพมเพิส เช็ดล้างทำความสะอาดอวัยวะขับถ่ายแก่ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยติดเตียงอยู่เสมอ รับรองว่าไม่มีกลิ่นแน่นอนค่ะ
และผู้เขียนหวังว่าข้อมูลขั้นตอนการทำความสะอาดเเบบเบื้องต้น ที่ได้นำมาแบ่งประสบการณ์มาเล่าสู่ทุกท่านกันในวันนี้ จะสามารถช่วยให้ที่นอนทุกท่านสะอาด และปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ รวมไปถึง เคล็ดลับต่างๆที่จะช่วยให้ที่นอนของทุกท่านสะอาดมากยิ่งขึ้น